จะดุลูกอย่างไร… ให้เชื่อฟังพ่อแม่ โดยไม่ทำร้ ายจิตใจลูก
การอบรมสั่งสอนให้ลูกเป็นเด็กที่มีพฤติกร ร ม เหมาะสมกับการดุลูกเป็นของคู่กัน เพราะการที่คุณพ่อแม่
ดุ…ก็เพื่อให้ลูกเกิดการเรียนรู้และแก้ไข
ดุ…เพื่อให้ลูกเข้าใจว่าไม่ควรทำความผิ ด ซ้ำอีก แต่การดุหรือตำหนิลูกไม่ถูกวิธี
จะส่งผลให้ลูกสู ญ เ สียความเชื่อมั่นและไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง อีกทั้งยังลดคุณภาพ
ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวอีกด้วย ดังนั้นเมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องดุ สั่งสอนหรือตั ก เ ตื อนลูก
ก็ต้องมีวิธีทำอย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกเชื่อฟัง และไม่ ทำร้ า ย จิ ต ใ จ และความรู้สึกของลูก
1. ไม่ดุลูกต่อหน้าคนอื่น
เพราะจะทำให้ลูกเสียหน้า ขาดความมั่นใจ รู้สึกอาย และรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ให้เกียรติ
นอกจากนี้ยังทำให้ลูกรู้สึกว่า คำสอนของคุณพ่อคุณแม่ไม่มีความหมาย เพราะลูกจะไม่เข้าใจ
และไม่รับฟังในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ พ ย า ย า ม สอน แม้ว่าจะเป็นคำสอนที่ดีขนาดไหนก็ตาม
2. ตำหนิที่การกระทำ ไม่ใช่ที่ตัวลูก
คุณพ่อคุณแม่ควรตำหนิที่การกระทำของลูก ไม่ใช่ตำหนิที่ตัวลูก ยกตัวอย่างเช่น
“แม่ไม่ชอบที่ลูกแกล้งน้อง” หรือ “แม่ไม่ชอบที่ลูกพูด คำ ห ย า บ”
ทำให้ลูกรับรู้ว่า การกระทำนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ชอบ ไม่ยอมรับ และจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น
ในทางกลับกัน หากคุณพ่อคุณแม่ตำหนิที่ตัวลูกโดยตรง ยกตัวอย่างเช่น “ทำไมเป็นเด็กเกเรแบบนี้”
หรือ “ลู ก แ ย่ มากที่พูดจาแบบนี้ “
จะส่งผลให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่รักของพ่อแม่ เป็นเด็กไม่ดี ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง
ท้อแท้ สู ญ เ สียความมั่นใจ และไม่อยากปรับปรุงตัวเองต่อไป
3. หลังจากดุแล้ว บอกสิ่งที่อยากให้ลูกทำ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อลูกคนโตลงมือตีน้อง แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะบอกกับลูกว่า ห้ ามตีน้อง
ลองบอกทางแก้ปัญหาให้ลูก เช่น “ลูกไม่จำเป็นต้องตีน้อง ต่อไปนี้
ถ้าน้องทำอะไร ให้หนูไม่พอใจให้มาบอกแม่”
เพราะการห้ามลูกโดยไม่บอกวิธีการแก้ปัญหา เมื่อลูกไม่พอใจน้อง ก็จะตีน้องอีก
4. อย่ าดุลูกขณะที่กำลังหงุดหงิด
ลูกจะ รู้ สึ ก แ ย่ กับความหงุดหงิดและอารมณ์โกรธของคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นหากรู้สึกหงุดหงิด
ควรบอกกับลูกว่า.. “ตอนนี้แม่หงุดหงิดมาก
เดี๋ยวแม่จะไปทำอย่างอื่นก่อนหายโกรธแล้ว แม่จะมาคุยเรื่องนี้กับหนูอีกที”
นอกจากลูกจะไม่ต้องรับอารมณ์ของคุณแม่แล้ว ยังได้เรียนรู้วิธีการจัดการกับความโกรธอีกด้วย
5. รับฟังเหตุผลและถามความคิดเห็นในมุมมองของลูก
อย่ารีบตัดสินหรือตำหนิลูกโดยที่ไม่เปิดใจรับฟังคำอธิบายหรือเหตุผลของลูก
เพราะจะทำให้ลูกต่อต้านและไม่อยากอธิบายอะไรให้คุณฟังอีก แต่ควรใช้วิธีพูดคุย
ถามลูกว่าถ้าเกิดทำผิดซ้ำ จะให้มีวิธีการตั ก เ ตื อ นหรือ ล ง โ ท ษ อย่างไร
เพื่อให้ลูกคิดถึงผ ล เ สีย วิธีแก้ไข และรับผิดชอบในความผิดของตัวเอง
อ้างอิง Th.theasianparent